.

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี

ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน

ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี

อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง

คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน

โดย ยรรยง ลูกชาวดิน
7 / มีนาคม / 2553
........

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คำแถลงจาตุรนต์ ฉายแสง กรณีคดียึดทรัพย์ทักษิณ

โพสต์24 ก.พ. 2553, 20:08โดย ยรรยง ลูกชาวดิน
[
อัปเดต 25 ก.พ. 2553, 2:44 ]

นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง
























คำต่อคำ จาตุรนต์ ฉายแสง กรณีคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชี้ถ้าการตัดสินออกไม่ยุติธรรม-ขัดหลักนิติธรรม จะกระทบความเชื่อถือระบบยุติธรรมของประเทศอย่างรุนแรง อาจกลายเหตุสำคัญของความแตกแยกในสังคม เนื่องจากผู้คนจำนวนมากอาจไม่หวังพึ่งระบบและกฎหมายแต่หาทางออกโดยวิธีอื่น

หมายเหตุ - เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (23 ก.พ.) ที่โรงแรมเรดิสัน พระราม 9 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงข่าวกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่องในคดียึดทรัพย์ 7.6 พันล้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดดังนี้

จาตุรนต์ - ที่ต้องให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่ามีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในกรณีนี้ และรู้สึกว่าเหมือนกับมีการรุมรังแกกันอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด รวมทั้งเป็นห่วงว่า ถ้าการตัดสินนี้ออกมาไม่ยุติธรรมขัดกับหลักนิติธรรมจะกระทบต่อความเชื่อถือต่อระบบยุติธรรมของประเทศอย่างรุนแรง ทั้งจากสังคมไทย และจากประชาคมโลก ชนิดที่ยากจะกอบกู้กลับมาได้ และอาจจะกลายเป็นต้นเหตุ และพื้นฐานสำคัญของความแตกแยกในสังคมที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิม ชนิดที่ยากแก่การเยียวยา เนื่องจากผู้คนจำนวนมากไม่อาจจะพึ่งระบบ และกฎหมาย แต่หาทางออกโดยวิธีอื่น

ที่แสดงความเป็นห่วงอย่างนี้มีเหตุผลข้อเท็จจริงรองรับตลอด เพราะได้มีการชี้นำสังคม กดดันศาล แม้กระทั่งหมิ่นศาลอย่างชัดเจน เพื่อให้มีผลต่อการตัดสินคดี และทำลายล้างคู่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำโดยรัฐบาล คนสำคัญคือรัฐบาล สื่อของรัฐ โดยสมคบร่วมมือกับอดีตคตส.บางคนและพันธมิตรฯ รัฐบาลได้พยายามโยงทุกเรื่องที่จะโยงได้เข้ากับคดียึดทรัพย์ ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง รัฐบาลยังได้พยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ตกเป็นจำเลย และผู้สนับสนุน โดยการกล่าวหาที่เป็นเท็จอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นรัฐบาลยังไม่วางตัวเป็นกลาง แสดงความเห็นในทางให้ร้าย และใช้สื่อของรัฐในการให้ข้อมูลด้านเดียวทุกวัน โดยไม่เปิดให้อีกฝ่ายหนึ่งให้ข้อมูล ทั้งๆที่เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ตามหลักแล้วที่ถูกต้องแล้ว รัฐบาล และสื่อของรัฐจะต้องเป็นกลาง แต่ไม่ได้แสดงความเป็นกลางเลยอย่างต่อเนื่องทุกวันทุกคืน ส่วน คตส. ก็กระทำผิดประเพณีปฏิบัติ ผิดจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน หรืออดีตพนักงานสอบสวน แสดงความเห็นในทางให้ร้ายจำเลย ทั้งๆที่เรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ใช้ความเห็นแบบไม่ได้อิงหลักกฎหมายอย่างที่บอกว่า “วัวกินหญ้า” เป็นการพูดแบบไม่สอดคล้องหลักนิติธรรมเลย เหมือนอย่างที่พูดไปบ้างแล้วว่า เหมือนกับ “คนกินหญ้า”เสียมากกว่า

แต่ว่าการที่ยังพูดอย่างต่อเนื่อง ใช้สื่อของรัฐในการให้ร้ายจำเลยอย่างต่อเนื่องก็เปรียบเหมือนกับว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศกินหญ้ากันไปหมดแล้ว นอกจากนั้นในส่วนของพันธมิตรฯล่าสุด นอกจากพยายามให้ร้ายชี้นำกดดันศาล

ล่าสุดการพูดของพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่ ที่บอกว่ามีการใช้เงิน 5 พันล้านมาติดสินบนศาล และล่าสุดยังได้พูดเลวร้ายกว่านั้นมี 4 คนรับไปแล้ว เหลืออยู่คนเดียว การพูดว่า 4 คนรับไปแล้ว หรือติดสินบน 5 พันล้าน และมี 4 คนรับไปแล้ว ก็แสดงว่า เป็นการพูดว่า มีผู้พิพากษาอย่างน้อย 4 คนรับไปแล้ว อันนี้เป็นการพูดลักษณะหมิ่นศาลอย่างชัดเจน น่าแปลกว่า การพูดเหล่านี้ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ทั้งๆที่เป็นหมิ่นศาลอย่างชัดเจน ก็เท่ากับว่า ผู้เกี่ยวข้องต้องการให้มีการพูดแบบนี้เพื่อกดดันศาล โดยทำให้สังคมคิดว่า ถ้าใครไม่วินิจฉัยยึดทรัพย์เท่ากับรับสินบน ถ้าใครวินิจฉัยยึดทรัพย์ก็ไม่รับสินบน ขณะนี้การพิจารณาคดีนี้จึงเป็นการพิจารณาคดีที่แปลกประหลาดที่สุดในประวัติศาสตร์ของการพิจารณาคดีทั้งหลายในประเทศไทย หรืออาจจะในโลกด้วย

รัฐบาลสร้างข่าวว่าจะเกิดความวุ่นวายเพื่อล้มคดี หรือเพื่อกดดันศาล ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงมาตลอด แต่ในความเป็นจริงกลับปรากฏว่า ขณะนี้ล้อมๆ ศาลมีเครื่องขยายเสียงหลายสิบล้านเครื่องทั่วประเทศคือทีวี ทุกด้านโฆษณาไปในทางเดียว คือ โฆษณาว่า ทรัพย์สินนี้ไม่ชอบต้องยึดเท่านั้น และเมื่อยึดแล้วจะเกิดความวุ่นวายต่างๆ ตามมา เป็นการโฆษณาเพื่อที่จะกดดันศาล ชี้นำสังคม และทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง ผ่านเครื่องขยายนับสิบล้านเครื่องรอบศาล ผมจึงได้บอกว่า ได้เกิดความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นแล้วในการพิจารณาคดีนี้ เพราะฉะนั้นก็เหลือแต่การตัดสิน

ซึ่งผมคิดว่า การตัดสินเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้จะยึดทรัพย์อะไรหรือไม่ จะเกิดอะไรกับคุณทักษิณและครอบครัว หรือคุณทักษิณจะทำอะไรต่อไป ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดในสังคม แต่ประเด็นสำคัญที่สุดในสังคมคือ การตัดสินจะเป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือขัดต่อหลักนิติธรรม จะเกิดอะไรขึ้นกับระบบยุติธรรมและต่อสังคมไทยหลังการตัดสินคดีนี้

เรื่องการทำลายสถานที่ ใช้ความรุนแรงในวันตัดสิน ผมว่าไม่น่าเป็นห่วง ถ้ารัฐบาลป้องกันให้ดีและอย่าสร้างสถานการณ์ ก็คงไม่มีอะไรมาก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือผลตัดสินจะออกมาอย่างไร ถ้าขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่ยุติธรรม จะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิดกัน คือจะกระทบต่อความเชื่อถือความยุติธรรมของประเทศอย่างรุนแรง ทั้งจากสังคมไทยและประชาคมโลกชนิดที่ยากที่จะกอบกู้กลับมาได้ จะเป็นต้นเหตุสำคัญของความแตกแยกในสังคม ที่หนักหนาสาหัสที่ยากต่อการเยียวยา เนื่องจากผู้คนจำนวนมากอาจไม่หวังพึ่งระบบและกฎหมาย แต่จะหาทางออกวิธีอื่น

จึงอยากจะเรียกร้องนอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย โดยเฉพาะพวกที่กดดันศาล สร้างสถานการณ์ สร้างความเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามหรือคู่ต่อสู้ทางการเมือง หยุดการกระทำนั้นเสีย โดยเฉพาะรัฐบาล คตส. และพันธมิตรฯกับพรรคการเมืองใหม่ และอยากเรียกร้องให้สังคมหาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการพิจารณาและการตัดสินคดีนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งหาโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสมในโอกาสต่อไป โดยเฉพาะถ้าเห็นว่า มีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น ก็ต้องยืนยันว่าประชาชนมีสิทธิที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินก็ได้

ถ้าหากเห็นว่าไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น สิ่งที่ต้องทำคือต้องใช้สติปัญญา ใช้ความรู้ เหตุผล แสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสมเพื่อหาทางแก้ไขปรับปรุงระบบยุติธรรมของประเทศ เพื่อหาทางออกให้กับสังคมแบบสันติวิธี พยายามใช้ความอดทน อดกลั้น ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความไม่ยุติธรรม ควรใช้ความอดทน อดกลั้นและใช้สติปัญญา ใช้เหตุผลในการปรับปรุงระบบยุติธรรมในประเทศนี้ แทนที่จะไปแสดงออกด้วยการใช้ความรุนแรงเล็กๆน้อยๆอะไรก็ตาม ซึ่งจะเป็นเหยื่อของรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลจะฉวยโอกาสขยายความให้ใหญ่มากขึ้น ทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องของคนเลวร้าย เป็นเรื่องของคนไม่ยอมรับกติกาใดๆและก็จะขยายความ จนคนส่วนใหญ่ลืมประเด็นการตัดสินว่ายุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม

อยากเรียกร้องต่อสังคม และเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของสังคมไทย และเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของระบบยุติธรรมของไทย ถ้าไม่สนใจกันอย่างจริงจัง ผลเสียจะตามมาอย่างมาก

ช่วงตอบคำถาม

ผู้สื่อข่าว - กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า จะใช้ช่องทางของศาลโลกในการดำเนินการหากไม่ได้รับความยุติธรรมในคดียึดทรัพย์

จาตุรนต์ - พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้วิธีอะไรต่อไป ผมไม่ไห้ความสำคัญ หรือสนใจอะไรเลย แต่กำลังสนใจว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับระบบความยุติธรรมของประเทศ และคนส่วนใหญ่จะทำกันอย่างไรต่อไป เมื่อผลการตัดสินออกมาแล้ว รัฐบาลอาจจะโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ในทางชื่นชมสดุดี ถ้าเขาเห็นว่าตรงกับใจเขา ต้องถามทางศาลว่าทำได้หรือเปล่า และถ้าคนไม่เห็นด้วย จะแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสมบ้าง ถามว่าทำได้หรือเปล่า ภาพเหตุการณ์อย่างนั้น ภาพเหตุการณ์ที่รัฐบาลจะโหมประโคมข่าวสดุดีชื่นชมกับคำตัดสินไปในทางเดียว และไม่ออกข่าวอีกทางหนึ่งเลย ในขณะที่จำเลยเขาอาจจะอุทธรณ์ต่อมา เท่ากับเป็นการกดดันศาลซ้ำเติมอีก และจะทำให้เกิดความอัดอั้นตันใจให้กับคนที่ต้องการจะแสดงความคิดเห็นบ้าง ไม่มีโอกาสให้เขาแสดงความคิด มันก็จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ความคิดเห็นที่รุนแรงขึ้น ผมไม่สนใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะเอายังไงต่อไป แต่สนใจว่าสังคมไทยจะเอายังไงต่อไป

ผู้สื่อข่าว - หลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์เสื้อแดงจะชุมนุม มองว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่

จาตุรนต์ - หลังวันที่ 26 กุมภาฯ ถ้าให้แนะนำประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร ผมคิดว่า ยังไม่ควรมีการชุมนุมหรือเคลื่อนไหวเร็วไปนัก เพราะการชุมนุมนั้นจะมีจุดอ่อนอย่างสำคัญ อาจจะมีคนที่โกรธแค้นอัดอั้นตันใจ และควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จนอาจจะขว้างโน้น ปานี้ เกิดเป็นความรุนแรงขึ้น ความรุนแรงนั้นอาจจะบานปลาย ถูกสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้นนั้นจะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลปัจจุบันนี้อย่างมาก เพราะเขาได้เตรียมแผนไว้หมดแล้วที่จะขยายความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์และจะทำให้เกิดเป็นผลเสียต่อการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเพื่อความเป็นธรรมต่อไป

เพราะฉะนั้นผมยังคิดว่าควรจะมาตั้งหลักกัน ถ้าฝ่ายที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ฝ่ายที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในประเทศนี้ ควรจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งทำความเข้าใจในเรื่องนี้ว่าเกิดความยุติธรรมขึ้นหรือไม่ มีเหตุมีผลอย่างไรและคิดอย่างไร ก็ชี้แจงต่อประชาชนโดยสันติ โดยยังไม่เคลื่อนไหวชุมนุมอะไรมาก เมื่อตั้งหลักได้ดี เกิดความเข้าใจอย่างดีแล้วสังคมมีความเข้าใจ สังคมเห็นใจ เห็นปัญหาความไม่ยุติธรรม การเคลื่อนไหวที่จะมีต่อไปควรเป็นการเคลื่อนไหวที่ใช้สันติวิธี มุ่งไปที่การทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยและเกิดความยุติธรรม แทนที่จะเป็นเรื่องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผมยังอยากเห็นการทิ้งช่วงระยะหนึ่ง ก็จะหาทางเสนอต่อผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเสื้อแดงด้วย

ผู้สื่อข่าว - หลังการตัดสินวันที่ 26 ก.พ.แล้ว มองว่าการเมืองและเศรษฐกิจของไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป

จาตุรนต์ - ขึ้นอยู่กับคำตัดสินและปฏิกิริยาของฝ่ายต่างๆ ที่จะมีต่อคำตัดสิน ขณะนี้เป็นไปได้ทั้งสงบเรียบร้อยราบรื่น และเป็นไปได้ทั้งเกิดความไม่พอใจ เกิดความไม่เชื่อถือต่อระบบยุติธรรมของประเทศ คนไม่มาลงทุน เกิดความขัดแย้งรุนแรงต่อไปในสังคม เป็นไปได้ทั้งนั้น

ฉะนั้นจึงขึ้นกับคำตัดสิน และปฏิกิริยาหลังการตัดสิน โดยเฉพาะบทบาทของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลซ้ำเติมฝ่ายเดิม สร้างสถานการณ์เพิ่มเติมเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมืองเรื่องถึงไม่จบ

ที่มา http://www.prachatai.com/journal/2010/02/27852

หมายเหตุ"มติชนออนไลน์"-เป็นประกาศของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เคยประกาศเกี่ยวกับรายการทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากที่อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯขอให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติและมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประสงค์จะคัดค้านยื่นคำคัดค้านต่อศาลฎีกาฯภายใน 30 วันนับแต่ประกาศ

คำร้องดังกล่าว อัยการสูงสุดระบุว่า ทรัพย์สินที่ยื่นคำร้องนั้นเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น ให้กับกลุ่มเทมาเส็กของ ประเทศสิงคโปร์ดยมีบริษัท ชีดาร์ โฮลดิ้ง จำกัดและ บริษัท แอสแพน โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างด้าวเป็นผู้ซื้อรวมค่าซื้อหุ้นและเงินปันผลและดอกผล เป็นเงิน ๗๖,๖๒๑,๖๐๓,๐๖๑.๐๕ บาท(เจ็ดหมื่นหกพันหกร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนสามพันหกสิบเอ็ดบาทห้าสตางค์)


เพื่อให้สาธารณชนทราบรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าวก่อนที่ศาลฎีกาฯจะมีคำพิพากษาในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 จึงขอนำรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าวซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในชื่อบุคคลของ ครอบครัวชินวัตร บริษัทต่างๆ มูลนิธิฯ 20 รายมานำเสนออีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

๑. ทรัพย์สินที่มีชื่อนางสาวพินทองทา ชินวัตร เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคารและเงินลงทุน ดังต่อไปนี้


๑.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขา ซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๒-๓๗๒๘๗-๙ จำนวนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันล้านบาทถ้วน)

๑.๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาราชวัตร เลขที่บัญชี ๑๔๖-๒-๓๑๐๘๑-๒ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)

๑.๓ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาชิดลม เลขที่บัญชี ๐๐๑-๑-๕๕๑๘๘-๒ จำนวนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันล้านบาทถ้วน)

๑.๔ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๒-๔๑๕๒๔-๔ จำนวนเงิน ๓๑๑,๐๑๓,๐๙๕.๙๗ บาท (สามร้อยสิบเอ็ดล้านหนึ่งหมื่นสามพันเก้าสิบห้าบาทเก้าสิบเจ็ดสตางค์)

๑.๕ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๑๒๖๓๑-๓ จำนวนเงิน ๑๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน)

๑.๖ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๑๒๒๒๒-๐ จำนวนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท(สามพันล้านบาทถ้วน)

๑.๗ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBSFF) เลขที่บัญชี ๑๑๑-๘-๐๒๒๖๕๙๑-๖ จำนวนเงิน ๒๑๘,๘๒๓,๙๓๒.๖๐ บาท (สองร้อยสิบแปดล้านแปดแสนสองหมื่นสามพันเก้าร้อยสามสิบสองบาทหกสิบสตางค์)


๒. ทรัพย์สินที่มีชื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคารและเงินลงทุน ดังต่อไปนี้


๒.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาพหลโยธิน เลขที่บัญชี ๐๑๔-๑-๑๑๓๐๐-๙ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน)

๒.๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาพหลโยธิน เลขที่บัญชี ๐๑๔-๒-๔๑๓๓๕-๕ จำนวนเงิน ๓๓,๕๐๒,๔๕๑ บาท (สามสิบสามล้านห้าแสนสองพันสี่ร้อยห้าสิบเอ็ดบาทถ้วน)

๒.๓ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสนิปปอนโกรท (ASP-NFG) เลขประจำตัวผู้ถือหน่วยลงทุน ๙๙๙๙๙๙๐๑๗๔๙๐ บลจ.แอสเซท พลัส จำนวนเงิน ๒๐๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยสองล้านบาทถ้วน)


๓. ทรัพย์สินที่มีชื่อนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคารและเงินลงทุน ดังต่อไปนี้


๓.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๒-๗๘๑๘๘-๑ จำนวนเงิน ๓๔๐,๐๒๑,๑๔๒.๐๒ บาท (สามร้อยสี่สิบ ล้านสองหมื่นหนึ่งพันหนึ่งร้อยสี่สิบสองบาทสองสตางค์)

๓.๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๑๑๑๘๘-๙ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)

๓.๓ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๑๓๐๙๕-๖ จำนวนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันล้านบาทถ้วน)

๓.๔ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี ๐๐๑-๘-๐๒๕๕๕๐๐-๖ จำนวนเงิน ๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน)

๓.๕ หุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ใบหลักทรัพย์เลขที่ ๐๐๑๖๐๑๐๐๐๕๖๒๔๕ จำนวน ๒๘,๙๐๐,๐๐๐ หุ้น

๓.๖ หุ้นบริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ใบหลักทรัพย์เลขที่ ๐๗๔๗๐๑๐๐๐๐๐๑๙๐ จำนวน ๕๗,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น

๓.๗ หุ้นบริษัท เอส ซี แอสเสท คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ใบหลักทรัพย์เลขที่ ๐๐๘๓๐๑๐๐๐๐๘๖๑๐ จำนวน ๑๕,๙๐๐,๐๐๐ หุ้น

รวมจำนวนเงินข้อ ๓.๕ – ๓.๗ เป็นเงิน ๒,๖๘๒,๘๘๗,๕๑๐.๙๙ บาท (สองพันหกร้อยแปดสิบสองล้านแปดแสนแปดหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยสิบบาทเก้าสิบเก้าสตางค์)

๓.๘ เงินที่โอนจากบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย สาขาย่อยเพนนินซูล่า เลขที่บัญชี ๒๐๒-๓-๐๐๕๑๖-๔ จำนวนเงิน ๕๐๒,๑๘๖,๓๐๑.๒๕ บาท (ห้าร้อยสองล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันสามร้อยเอ็ดบาทยี่สิบห้าสตางค์)

๓.๙ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยถนนพหลโยธิน ๘ เลขที่บัญชี ๐๘๔-๓-๐๒๑๑๘-๙ จำนวนเงิน ๒๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท(สองร้อยแปดสิบล้านบาทถ้วน)

๓.๑๐ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยถนนพหลโยธิน ๘ เลขที่บัญชี ๐๘๔-๓-๐๒๑๘๗-๔ จำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยล้านบาทถ้วน)

๓.๑๑ กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ ๐๒๐๘ บี เลขที่บัญชีกองทุน ๐๙๙-๕-๐๔๙๙๘๓๘/๐๓ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน)

๓.๑๒ กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ ๐๒๐๘ บี เลขที่บัญชีกองทุน ๐๙๙-๕-๐๔๙๙๘๓๘/๐๔ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน)

๓.๑๓ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยเอ็มบีเค ทาวเวอร์ เลขที่บัญชี ๐๓๖-๒-๐๒๔๐๒-๕ จำนวนเงิน ๑๕,๓๙๐,๐๐๐ บาท(สิบห้าล้านสาม แสนเก้าหมื่นบาทถ้วน)


๔. ทรัพย์สินที่มีชื่อคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคารและเงินลงทุน ดังต่อไปนี้


๔.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๒-๒๗๗๒๒-๒ จำนวนเงิน ๑๘๘,๐๓๗,๕๒๐.๗๕ บาท (หนึ่งร้อย แปดสิบแปดล้านสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยยี่สิบบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์)

๔.๒ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี ๐๐๑-๘-๒๖๖๐๑๖-๖จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)

๔.๓ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาชิดลม เลขที่บัญชี๐๐๑-๑-๕๕๐๒๑-๘ จำนวนเงิน ๑,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน)

๔.๔ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๐๓๑๖๕-๗ จำนวนเงิน ๑๐๐,๓๖๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยล้านสาม แสนหกหมื่นบาทถ้วน)

๔.๕ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๐๔๑๒๘-๘ จำนวนเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)

๔.๖ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๐๔๑๒๙-๖ จำนวนเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)

๔.๗ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารีสัมพันธ์ เลขที่บัญชี ๐๕๖-๒-๐๐๐๖๕-๑ จำนวนเงิน ๑,๗๘๒,๘๐๓.๘๗ บาท (หนึ่งล้านเจ็ด แสนแปดหมื่นสองพันแปดร้อยสามบาทแปดสิบเจ็ดสตางค์)

๔.๘ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารีสัมพันธ์ เลขที่บัญชี ๐๕๖-๒-๑๓๑๕๒-๕ จำนวนเงิน ๕๑๔,๒๒๙.๑๙ บาท (ห้าแสนหนึ่ง หมื่นสี่พันสองร้อยยี่สิบเก้าบาท สิบเก้าสตางค์)

๔.๙ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๑๓๒๑๑-๐ จำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท (สองแสนบาทถ้วน)

๔.๑๐ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาศรีนครพิงค์ เลขที่บัญชี ๕๔๙-๒-๒๓๒๓๒-๘ จำนวนเงิน ๔๒,๑๒๕.๖๔ บาท (สี่หมื่นสองพันหนึ่งร้อย ยี่สิบห้าบาทหกสิบสี่สตางค์)

๔.๑๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสยามสแควร์ เลขที่บัญชี ๐๓๘-๓-๐๐๕๗๘-๗ จำนวนเงิน ๕,๐๔๐ บาท (ห้าพันสี่สิบบาทถ้วน)

๔.๑๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาลาดพร้าว ซอย ๕๙ เลขที่บัญชี ๐๑๐-๑-๐๔๔๙๒-๓ จำนวนเงิน ๔,๖๕๒.๒๐ บาท (สี่พันหกร้อยห้าสิบสองบาทยี่สิบสตางค์)

๔.๑๓ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาชิดลม เลขที่บัญชี ๐๐๑-๑-๕๔๖๙๐-๐ จำนวนเงิน - บาท

๔.๑๔ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารีสัมพันธ์ เลขที่บัญชี ๐๕๖-๓-๐๐๕๐๕-๒ จำนวนเงิน – บาท

๔.๑๕ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๓-๐๒๐๓๐-๑ จำนวนเงิน - บาท

๔.๑๖ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนสุขสวัสดิ์ เลขที่บัญชี ๑๖๔-๒-๒๘๓๘๘-๙ จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สิบล้านบาทถ้วน)

๔.๑๗ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาราชวัตร เลขที่บัญชี ๑๔๖-๐-๔๔๘๓๙-๐ จำนวนเงิน ๑๐,๒๘๔,๑๒๗.๘๔ บาท (สิบล้านสองแสนแปดหมื่นสี่ พันหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดบาทแปดสิบสี่สตางค์)

๔.๑๘ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนอโศก-ดินแดง เลขที่บัญชี ๐๕๖-๔-๐๐๗๗๖-๕ จำนวนเงิน - บาท

๔.๑๙ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนอโศก-ดินแดง เลขที่บัญชี ๐๕๖-๔-๐๑๐๔๒-๑ จำนวนเงิน – บาท

๔.๒๐ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานควาย เลขที่บัญชี ๐๑๓-๒-๐๘๒๒๙-๙ จำนวนเงิน

๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)

๔.๒๑ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสวนจตุจักร เลขที่บัญชี ๐๖๑-๓-๐๐๐๕๖-๙ จำนวนเงิน ๓๓,๒๑๓.๔๓ บาท (สามหมื่นสามพันสองร้อยสิบ สามบาทสี่สิบสามสตางค์)

๔.๒๒ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักราษฎร์บูรณะ เลขที่บัญชี ๗๔๕-๒-๑๖๓๒๘-๙ จำนวนเงิน ๓,๔๙๔,๐๓๓.๖๗ บาท (สามล้านสี่ แสนเก้าหมื่นสี่พันสามสิบสามบาทหกสิบเจ็ดสตางค์)

๔.๒๓ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยเพนนินซูล่า เลขที่บัญชี ๒๐๒-๓-๐๐๓๓๐-๐ จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สิบล้านบาทถ้วน)

๔.๒๔ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานควาย เลขที่บัญชี ๑๐๘-๓-๐๙๗๖๑-๓ จำนวนเงิน ๑,๐๑๔,๘๗๗.๓๒ บาท (หนึ่งล้านหนึ่งหมื่นสี่พันแปดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดบาทสามสิบสองสตางค์)

๔.๒๕ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาราชวัตร เลขที่บัญชี ๑๑๑-๒-๑๐๖๖๒-๓ จำนวนเงิน ๑,๒๕๒.๒๕ บาท (หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบสองบาทยี่สิบห้าสตางค์)

๔.๒๖ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยออลซีซั่นเพลส เลขที่บัญชี ๒๖๘-๒-๐๑๑๕๔-๕ จำนวนเงิน ๒๖๗,๓๔๓.๓๗ บาท (สองแสนหกหมื่นเจ็ดพันสามร้อยสี่สิบสามบาทสามสิบเจ็ดสตางค์)


๕. ทรัพย์สินที่มีชื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคารและเงินลงทุน ดังต่อไปนี้


๕.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๒-๓๗๓๔๒-๒ จำนวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันล้านบาทถ้วน)

๕.๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๒-๓๗๓๔๓-๐ จำนวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันล้านบาทถ้วน)

๕.๓ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาชิดลม เลขที่บัญชี ๐๐๑-๑-๕๕๒๓๒-๕ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)

๕.๔ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยเซ็นจูรี่ เลขที่บัญชี ๒๐๘-๑-๐๐๐๒๒-๙ จำนวนเงิน ๙๐๘,๓๘๔,๑๔๓.๘๓ บาท (เก้าร้อยแปดล้านสามแสนแปดหมื่นสี่พันหนึ่งร้อยสี่สิบสามบาทแปดสิบสามสตางค์)

๕.๕ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๒-๓๑๐๐๘-๘ จำนวนเงิน ๖,๑๔๐,๕๘๒.๓๑ บาท (หกล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นห้าร้อยแปดสิบสองบาทสามสิบเอ็ดสตางค์)

๕.๖ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๑๓๐๙๒-๒ จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)

๕.๗ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBSFF) เลขที่บัญชี ๐๐๑-๘-๐๒๘๓๐๐๕-๗ จำนวนเงิน ๑,๒๑๘,๑๕๐,๖๘๔.๙๔ บาท (หนึ่งพันสองร้อยสิบแปดล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นหกร้อยแปดสิบสี่บาทเก้าสิบสี่สตางค์)

๕.๘ แคชเชียร์เช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำนักนานาเหนือ สั่งจ่าย บจ.ไวท์ แอนด์ เคส (ประเทศไทย) จำนวน ๑๒ ฉบับ จำนวนเงิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามสิบล้านบาท)

๕.๙. ทรัพย์สินที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๒๕๒๐-๓ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ราคา ๒๗,๒๒๗,๒๐๐ บาท (ยี่สิบเจ็ดล้านสองแสนสองหมื่นเจ็ดพันสองร้อยบาทถ้วน)

๕.๑๐. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน เช็คเลขที่ ๒๐๐๖๐๖๒ จำนวนเงิน ๒๗,๒๒๗,๒๐๐ บาท (ยี่สิบเจ็ดล้านสองแสนสองหมื่นเจ็ดพันสองร้อยบาทถ้วน)


๖. ทรัพย์สินที่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้

๖.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๑๑๖๐๔-๑ จำนวนเงิน - บาท

๖.๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๑-๑๒๖๓๒-๑ จำนวนเงิน ๔๖๔,๐๗๘,๔๓๑.๔๙ บาท (สี่ร้อยหกสิบสี่ ล้านเจ็ดหมื่นแปดพันสี่ร้อยสามสิบเอ็ดบาทสี่สิบเก้าสตางค์)

๖.๓ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาราชวัตร เลขที่บัญชี ๑๔๖-๐-๖๓๙๓๐-๓ จำนวนเงิน ๘๔,๔๐๒,๑๐๒.๒๙ บาท (แปดสิบสี่ล้านสี่แสนสองพันหนึ่งร้อยสองบาทยี่สิบเก้าสตางค์)

๖.๔ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาราชวัตร เลขที่บัญชี ๑๔๖-๓-๐๓๒๒๐-๙ จำนวนเงิน ๒,๗๘๔.๐๘ บาท (สองพันเจ็ดร้อยแปดสิบสี่บาทแปดสตางค์)

๖.๕ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแจ้งวัฒนะ เลขที่บัญชี ๐๓๘-๒-๐๙๓๑๘-๑ จำนวนเงิน ๗,๑๘๙.๗๓ บาท (เจ็ดพันหนึ่งร้อย แปดสิบเก้าบาทเจ็ดสิบสามสตางค์)

๖.๖ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสำนักงานใหญ่ เลขที่บัญชี ๖๕๐-๐๐๐-๗-๐๐๓๙๘-๒ จำนวนเงิน ๕๐๐บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)

๖.๗ ธนาคารออมสิน สาขาสำนักพหลโยธิน เลขที่บัญชี ๙๖-๙๖๐๒-๒๐-๒๒๔๕๑๑-๔ จำนวนเงิน ๑๕,๖๓๑.๐๙ บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันหกร้อยสามสิบ เอ็ดบาทเก้าสตางค์)

๖.๘ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขาคลองตัน เลขที่บัญชี ๐๐๑-๒-๐๐๐๐๑-๑ จำนวนเงิน ๑๐,๐๒๕.๐๙ บาท (หนึ่งหมื่นยี่สิบห้าบาทเก้าสตางค์)


๗. ทรัพย์สินที่มีชื่อที่ปรึกษากฎหมายธีรคุปต์ เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๗.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขารัชดา-ลาดพร้าว เลขที่บัญชี ๑๗๗-๐-๔๒๑๑๒-๙ จำนวนเงิน ๖๖,๐๖๑.๘๐ บาท (หกหมื่นหกพันหกสิบ เอ็ดบาทแปดสิบสตางค์)

๗.๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขารัชดา-ลาดพร้าว เลขที่บัญชี ๑๗๗-๐-๔๒๑๑๒-๙ จำนวนเงิน ๖๖,๐๖๑.๘๐ บาท (หกหมื่นหกพันหกสิบเอ็ดบาทแปดสิบสตางค์)


๘. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท พี ที คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๘.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๐-๗๐๑๘๕-๕ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)

๘.๒ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานควาย เลขที่บัญชี ๐๑๓-๑-๒๕๒๖๖-๔ จำนวนเงิน ๑,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันสามร้อย ล้านบาทถ้วน)


๙. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท เอส ซี ออฟฟิซ พลาซ่า จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๙.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๐-๗๑๗๐๙-๑ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)

๙.๒ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขารัชดาภิเษก เลขที่บัญชี ๐๑๔-๓-๐๐๓๓๓-๑ จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่ง

หมื่นบาทถ้วน)

๙.๓ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขารัชดาภิเษก เลขที่บัญชี ๐๑๔-๒-๐๓๓๕๕-๓ จำนวนเงิน ๙๙๙,๙๙๐,๐๐๐

บาท (เก้าร้อยเก้าสิบเก้าล้าน เก้าแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน)


๑๐. ทรัพย์สินที่มีชื่อนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๑๐.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชดา เลขที่บัญชี ๑๐๖-๒-๑๖๑๘๕-๖ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน)


๑๑. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท โอ เอ ไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคารและเงินลงทุน ดังต่อไปนี้

๑๑.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๐-๗๐๑๘๔-๘ จำนวนเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน)


๑๒. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๑๒.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๐-๗๐๑๘๙-๗ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)

๑๒.๒ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานควาย เลขที่บัญชี ๐๑๓-๑-๒๕๒๒๐-๐ จำนวนเงิน ๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่ร้อยล้านบาทถ้วน)

๑๒.๓ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) สาขาสะพานควาย แคชเชียร์เช็ค เลขที่บัญชี ๑๔๒๐๖๒๖-๘ จำนวนเงิน ๖๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท(หกร้อยล้านบาทถ้วน)

๑๒.๔ ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) สาขาย่อยเอ็มบีเค ทาวเวอร์ เลขที่บัญชี ๐๓๑-๑-๐๖๔๐๗-๒ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท(สองร้อยล้านบาทถ้วน)


๑๓. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท เอสซีเค เอสเทค จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้

๑๓.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๐-๘๒๑๓๕-๖ จำนวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันล้านบาทถ้วน)


๑๔. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท โอ เอ ไอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๑๔.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๔-๓๒๐๘๗-๖ จำนวนเงิน ๔๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่ร้อยสามสิบล้านบาทถ้วน)

๑๔.๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๔-๓๒๐๘๗-๖ จำนวนเงิน ๑๘๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดล้านห้า แสนบาทถ้วน)


๑๕. ทรัพย์สินที่มีชื่อมูลนิธิไทยคม เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๑๕.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๐-๗๓๘๔๕-๑ จำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยล้านบาทถ้วน)


๑๖. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท บี.บี.ดี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้

๑๖.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๔-๗๒๔๗๒-๑ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)

๑๖.๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๒-๘๓๔๒๑-๐ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน)


๑๗. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท บี.บี.ดี.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๑๗.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๔-๗๐๙๒๘-๔ จำนวนเงิน ๒,๗๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าล้านบาทถ้วน)

๑๗.๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๔-๗๐๙๒๘-๔ จำนวนเงิน ๖๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หกร้อยยี่สิบห้าล้านบาทถ้วน)


๑๘. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๑๘.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี ๑๑๑-๒-๘๓๕๐๙-๖ จำนวนเงิน ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดร้อยล้านบาทถ้วน)

๑๘.๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน แคชเชียร์เช็ค เลขที่บัญชี ๒๑๒๒๕๖๔ จำนวนเงิน – บาท วงเงินที่อายัด ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดร้อยล้านบาทถ้วน)

๑๘.๓ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน แคชเชียร์เช็ค เลขที่บัญชี ๒๑๒๒๕๖๕ จำนวนเงิน – บาท วงเงินที่อายัด ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดร้อยล้านบาทถ้วน)

๑๘.๔ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักรัชโยธิน แคชเชียร์เช็ค เลขที่บัญชี ๒๑๒๒๕๖๖ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) วงเงินที่อายัด ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดร้อยล้านบาทถ้วน)

๑๘.๕ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยเอ็มบีเค ทาวเวอร์ เลขที่บัญชี ๐๓๑-๑-๐๖๗๕๑-๗ จำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยล้านบาทถ้วน)

๑๘.๖ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เลขที่บัญชี PN-๐๐๑-๐๐๔๑๓๘๕ จำนวนเงิน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หกสิบล้านบาทถ้วน)

๑๘.๗ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เลขที่บัญชี PN-๐๐๑-๐๐๔๑๓๘๖ จำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน)

๑๘.๘ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เลขที่บัญชี PN-๐๐๑-๐๐๔๑๓๘๗ จำนวนเงิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่สิบล้านบาทถ้วน)

๑๘.๙ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เลขที่บัญชี PN-๐๐๑-๐๐๔๑๓๘๘ จำนวนเงิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามสิบล้านบาทถ้วน)

๑๘.๑๐ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เลขที่บัญชี PN-๐๐๑-๐๐๔๑๓๘๙ จำนวนเงิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)

๑๙. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท สมพร แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๑๙.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนรัชดาภิเษก เลขที่บัญชี ๐๖๐-๒-๖๘๒๓๙-๗ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน)


๒๐. ทรัพย์สินที่มีชื่อบริษัท โอเอไอ คอนซัลแตนท์แอนด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๒๐.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๐-๗๒๕๐๖-๐ จำนวนเงิน ๑๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านบาทถ้วน)


๒๑. ทรัพย์สินที่มีชื่อนางบุษบา ดามาพงศ์ เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๒๑.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี ๑๒๗-๐-๙๑๑๕๗-๙ จำนวนเงิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่สิบล้านบาทถ้วน)


๒๒. ทรัพย์สินที่มีชื่อคณะบุคคล วิวิธวรแชมเบอร์ กระทำการโดยนางปราณี พงษ์สุวรรณ เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๒๒.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนรัชดาภิเษก เลขที่บัญชี ๐๖๐-๒-๗๗๙๑๒-๘ จำนวนเงิน ๑๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท (สิบสามล้านห้าแสนบาทถ้วน) วงเงินที่อายัด ๑๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สิบเจ็ดล้านบาทถ้วน)


๒๓. ทรัพย์สินที่มีชื่อนายสมพร พงษ์สุวรรณ เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๒๓.๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขามีนบุรี เลขที่บัญชี ๑๐๙-๒-๔๕๖๐๓-๕ จำนวนเงิน ๔,๙๘๐,๘๓๒.๑๙ บาท (สี่ล้านเก้าแสนแปดหมื่นแปดร้อยสามสิบสองบาทสิบเก้าสตางค์) วงเงินที่อายัด ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)

๒๓.๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาราชวัตร เลขที่บัญชี ๑๔๖-๔-๐๕๖๙๕-๙ จำนวนเงิน ๑๕,๔๘๑,๐๐๐ บาท (สิบห้าล้านสี่แสนแปดหมื่นหนึ่งพันบาทถ้วน) วงเงินที่อายัด ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)

๒๓.๓ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์ เลขที่บัญชี ๑๒๐-๒-๘๒๘๔๖-๓ จำนวนเงิน ๒๕,๕๐๑,๗๘๗.๖๗ บาท (ยี่สิบห้าล้านห้าแสนหนึ่งพันเจ็ดร้อยแปดสิบเจ็ดบาทหกสิบเจ็ดสตางค์) วงเงินที่อายัด ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามสิบล้านบาทถ้วน)


๒๔. ทรัพย์สินที่มีชื่อกองทุนแก้ไขปัญหาการจราจร เป็นผู้ครอบครอง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ดังต่อไปนี้


๒๔.๑ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาพาหุรัด เลขที่บัญชี ๑๐๔-๐-๓๕๔๒๐-๙ จำนวนเงิน ๗๐,๘๕๐.๗๙ บาท (เจ็ดหมื่นแปดร้อยห้าสิบบาท เจ็ดสิบเก้าสตางค์)

๒๔.๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาพาหุรัด เลขที่บัญชี ๑๐๔-๓-๑๑๕๕๘-๑ จำนวนเงิน – บาท


*******************************************************************************

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/23555


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น